หวย หวยออนไลน์ Jetsadabet

บทความที่ได้รับความนิยม

วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2553

10 คำถามมาตรฐานของการสัมภาษณ์งาน ที่คุณจะต้องผ่านให้ได้ (ตอนที่ 2)

4)  ทำไมคุณถึงออกจากงานที่เคยทำอยู่
สำหรับน้อง ๆ ที่ยังไม่เคยทำงานมาก่อน  หรือเคยมีประสบการณ์เพียงการฝึกงานเท่านั้น ย่อมไม่ยากที่จะตอบ แต่หากเป็นคนทำงานที่เปลี่ยนงานมาล่ะก็  ต้องสรรหาคำตอบให้เหมาะสมเลยล่ะครับ 
คำตอบแบบขวานผ่าซาก (แม้ว่าคุณจะเป็นคนตรง ๆ ) แบบ “ที่ทำงานเก่าไม่น่าพอใจ” หรือ “คุยกับหัวหน้างานไม่รู้เรื่อง”  หรือคำตอบอื่นใดสารพัดที่แสดงให้เป็นปัญหาการทำงานของคุณ ขอบอกว่า ห้ามตอบครับ  โดยมารยาทแล้ว คุณไม่ควรพาดพิงไปที่ทำงานเก่าไม่ว่ากรณีใด  และที่ร้ายไปกว่านั้น คือ ปัญหาที่มี สะท้อนให้เห็นว่า คุณไม่สามมารถรับมือกับปัญหานั้นได้ แม้ว่าในความเป็นจริงปัญหานั้นจะใหญ่โตมากและคุณก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ก็ ตาม แต่ก็ให้ละไว้ในฐานที่เข้าใจ  ผู้สมัครงานหลายคนหลุดปากพูดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์  บอกข้อเสียของบริษัทเก่า  ผลที่ได้รับก็คือคะแนนความเชื่อถือของคุณจะลดลงโดยพลัน  ซ้ำยังสร้างภาพลักษณ์แง่ลบให้เกิดขึ้นในสายจาของนายจ้างคนใหม่อีกต่างหาก ไม่คุ้มครับ รับรองได้
คำตอบที่น่าจะเป็น ก็ประมาณว่า "ผมอยากจะเรียนรู้ถึงงานในสายอาชีพเพิ่มเติม”  หรือ  “ผมคิดว่างานที่นี้ เหมาะสมกับผม และผม พร้อมที่จะทำงาน ตรงนี้มากที่สุด"  เพียงเท่านี้ก็น่าสนใจ เพราะคงไม่มีใครไปซักคุณมากมายว่าคุณมีปัญหาที่ทำงานเก่าหรือเปล่า
5) จะมีปัญหาอะไรหรือเปล่าหากจะต้องทำงานล่วงเวลา
สำหรับคนทำงานรุ่น Gen-Y เจอคำถามนี้เข้า อาจจะทำให้อึ้งอยู่ไปเลย เพราะธรรมดาของคนรุ่นนี้แล้ว  ไม่อยากผูกพันกับการทำงานล่วงเวลามาก  โดยมองว่ามันทำให้สมดุลของความสัมพันธ์ในชีวิตเสียไปเลยทีเดียว   แตกต่างไปจากคนรุ่น Gen-X ที่พร้อมจะทำงานล่วงเวลาเพื่อสร้างความสำเร็จในงานที่รับผิดชอบเสมอ
เป็นเรื่องธรรมดา ครับที่หลายองค์การเอกชนนี่แหละ อยากให้พนักงานเสียสละทำงานเต็มที่  แต่  ผมเคยเห็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลบางคนถึงกับตั้งข้อรณรงค์พนักงานให้ทำงานวันละ ไม่น้อยกว่า 9-10 ชั่วโมง  ให้กับบริษัท ทั้งที่บริษัทเอาไม่มีนโยบายที่จะให้เงินค่าล่วงเวลาตอบแทนเลย  เอาไปเอามา ก็ล้มไม่เป็นท่า เพราะไม่ได้ศึกษาตัวตนของคนทำงานรุ่น Gen-Y ให้ดี 
อย่างไรก็ตาม คนทำงานรุ่น Gen-Y รุ่นใหม่อย่างที่ผมว่าไป ก็คงต้องเสียสละเวลาการทำงานให้กับองค์การบ้าง แม้จะได้หรือไม่ได้ค่าล่วงเวลาตอบแทนก็ตาม  โดยเฉพาะในเวลาที่รีบเร่ง หรือต้องการผลักดันงานให้เสร็จตามกำหนดเวลาที่ขีดไว้ ฉะนั้นในการตอบคำถามนี้ คุณควรจะกล่าวถึง ความพร้อมเสมอ ในการทำงานล่วงเวลา และคงต้องเตรียมใจไว้ว่า คุณเองจะต้องบริหารเวลาที่ยืดหยุ่นมากขึ้น   ไม่ใช่จะเอาเรื่องนัดแฟนกินข้าว หรือไปดูหนังเป็นตัวตั้ง โดยไม่สนใจเรื่องงานเลย แต่ก็อยากได้งานที่ดี ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน  มันขัดแย้งกันเอง เพราะไม่มีใครที่เติบโตในอาชีพโดยไม่ทำงานหนักครับ
หากถามผมว่า ควรจะตอบอย่างไรเพื่อให้ได้งาน แม้จะเป็นคำตอบที่อาจจะตอบไปแบบนั้นเอง ไม่ได้มีผลจริงจังหรอก เพราะต้องมาวัดที่การเสียสละทำงานจริง ๆ แต่เหล่าผู้สัมภาษณ์ทั้งหลายก็อยากจะได้ยินคำตอบในทำนองว่า   "เพื่อให้งานประสบความสำเร็จ ผม/ดิฉันพร้อมจะทำงาน ล่วงเวลา" 
6) คุณคิดจะทำอะไรให้กับบริษัทมากที่สุด
คำถามนี้จะทำให้คุณ บอกถึงความสามารถของคุณที่จะทำให้กับบริษัทได้มากน้อย และรวมไปถึงความสอดคล้องกันของเป้าหมายส่วนตัวของคุณกับเป้าหมายขององค์การ  ยิ่งในตำแหน่งงานด้านบริหาร  องค์การจะยิ่งพิจารณาอย่างเข้มข้นว่า ตัวตน  จุดมุ่งหมายของคุณ  align หรือเข้ากันได้กับองค์การมากน้อยเพียงใด 
ข้อที่ผมขอแนะนำ คือ  อย่าได้โอ้อวดทีเดียวว่า เมื่อมาทำงานที่นี่ คุณจะทำให้องค์การได้แบบนั้นแบบนี้  เพราะในการทำงานนั้น คุณทำเรื่องที่ว่าให้สำเร็จคนเดียวไม่ได้  และคุณเองจะเที่ยวไปหาเรื่อง ไปกดดันชาวบ้านเค้าให้ทำงานอย่างที่คุณคิดว่าใช่  เพื่อให้งานของคุณสำเร็จตามที่คุณเอ่ยปากอวดอ้างไว้ก็ไม่ได้  เพราะมันอาจจะถูกใจนายจ้างบางคน แต่มันจะทำให้บรรยากาศในการทำงานขององค์การแย่มากเลย 
คำถามสั้น ๆ ง่าย ๆ ที่คุณสามรถตอบได้คือ คุณจะเป็นส่วนหนึ่งของทีม เพื่อสร้างสรรค์และทำงานอย่างหนักเพื่อให้งานที่รับผิดชอบเกิดประสิทธิภาพ ตอบสนองต่อเป้าหมายขององค์การมากที่สุด โดยจะพยายามปรับตัว ปรับวิธีการทำงานให้สอดคล้องกับทีม และร่วมกันผลักดันงานตามบทบาทอย่างดีที่สุด  แต่นี้ก็ OK ครับ แม้ว่ามันจะเป็นอะไรที่ plain plain  หรือตอบแบบง่าย มาตรฐานเสียเหลือเกิน แต่คุณก็ยังไม่รู้สไตล์และวิธีการทำงานของคุณ  การที่คุณบอกทัศนคติในการทำงานเพียงเท่านี้  ก็ไม่เสียหายอะไร
7) สถานการณ์บ้านเมือง เศรษฐกิจ เรื่องทั่ว ๆ ไป
ในการสัมภาษณ์งานคุณ อาจจะต้องพูดถึง เรื่องปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น ข่าวทาง การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และค่านิยม ที่เกิดขึ้นในเวลานั้น เป็นข่าว หนังสือพิมพ์ คำถามนี้จะแสดงให้เห็นว่า คุณให้ความสนใจกับข่าวสาร บ้านเมือง ไม่เป็นคนที่ตกข่าว สามารถพูดคุยได้ทุกเรื่อง ที่เกี่ยวกับ เหตุการณ์ปัจจุบัน การทราบข้อมูลเหล่านี้ อาจทำให้คะแนน การสัมภาษณ์ ของคุณ เพิ่มขึ้นมาก็ได้
8) ความใฝ่ฝันและโครงการในอนาคต
คำถามนี้ เป็นการถามถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงานของคุณ  ความเอาจริงเอาจัง และเป้าหมายในการทำงานของคุณ และดูว่ามันไปกันได้กับองค์การหรือเปล่า  องค์การบางแห่งที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม แต่หากคุณเป็นพวกนิยมความเปลี่ยนแปลง  ก็บอกได้เลยว่า คุณจะอยู่กับเค้าไม่นาน เพราะงานหรืออะไรต่าง ๆ จะไม่ท้าทายให้คุณสามารถอยู่ได้ เว้นแต่คุณเองจะสามารถปรับตัวและพยายามยอมรับสภาพการทำงานใหม่ที่คุณจะเข้า ไปทำงาน ให้ได้ 
คนที่วางแผน วาดทิศทางความก้าวหน้าในอนาคตได้ชัดเจน เป็นระบบ ย่อมได้เปรียบคนที่ตอบคำถามข้อนี้แบบตะกุกตะกัก  ผมบอกได้เลยว่า ไม่มีนายจ้างคนไหนอยากได้คนทำงานที่ go-day-day หรือทำงานไปวันวันครับ
นั่นก็หมายถึงว่า คุณต้องคิดข้อนี้ให้มากและตอบให้ดี
9) คุณต้องการเงินเดือนเท่าไหร่
โดยทั่วไปนั้น บริษัทที่จะจ้างคุณ เค้ามีเกณฑ์โครงสร้างและอัตราเงินเดือนในใจแล้วทั้งนั้น และแน่นอน  ส่วนใหญ่ใบสมัครงานจะมีช่องให้คุณระบุอยู่แล้วว่า คุณต้องการเงินเดือนเท่าไร  ซึ่งหากบริษัทเค้าไม่คิดว่าจะต่อรองเงินเดือนคุณได้ หรือ คิดว่าเงินเดือนเก่าที่คุณได้รับสูงกว่าเกณฑ์ที่บริษัทจะจ่ายให้ได้ แน่นอน เค้าจะไม่นัดคุณเข้ามาสัมภาษณ์ให้เสียเวลาหรอก 
ข้อที่คุณจะต้องตอบ เมื่อโดนถามก็คือ อัตราค่าตอบแทนที่อย่างน้อยเทียบเท่าที่ทำงานเดิมเป็นองค์ประกอบที่ผม/ดิฉัน พิจารณา  คราวนี้ล่ะ ผู้สัมภาษณ์ก็มักจะบอกว่า เงินเดือนที่เค้าวางไว้ในอัตรานี้เป็นอย่างไร  หากต่ำกว่าที่คุณเคยได้รับ  ก็เป็นเรื่องที่คุณจะต้องตัดสินใจแล้ว
นายจ้างแทบจะทั้ง นั้น  เข้าใจดีว่า ไม่มีใครเปลี่ยนงานแล้วต้องมารับเงินเดือนหรือค่าตอบแทนน้อยกว่าที่ทำงาน เก่าหรอกครับ  เพราะหากเป็นแบบนั้น มักจะแสดงว่า  คนไม่มีที่ไปเสียแล้ว  ดังนั้น เป็นไปได้ที่ว่าที่นายจ้างใหม่ของคุณอาจจะ offer เงินเดือนให้คุณต่ำกว่าที่ทำงานเก่าเล็กน้อย และหากคุณผ่านการทดลองงานแล้ว คุณก็จะได้รับปรับเงินเดือนเท่ากับที่ทำงานเก่า ซึ่งก็ตัดสินใจยากไม่น้อยเช่นกัน ทางที่ดี คุณก็คงต้องดูว่า คุณรับได้ไหม  เมื่อเทียบสวัสดิการ เวลาทำงาน หรือแนวโน้มการจ้างงาน  ความเป็นไปได้ในแง่การเติบโตในอาชีพการงานแล้ว หากที่ใหม่น่าจะให้คุณได้มากกว่า  ก็อย่าไปคิดมากครับ  สิ่งที่คุณจะต้องคิดก็คือ คุณจะพิสูจน์ฝีมือให้ที่ทำงานใหม่เห็นอย่างไรมากกว่า
หากคุณต้องการ ตัดสินใจเสียก่อน  ไม่ว่าว่าที่นายจ้างใหม่ของคุณจะ เสนอเงินเดือน มาสูง หรือต่ำกว่าอัตราที่คุณเคยได้รับอย่างไร  คุณก็อย่าพึ่งตอบตกลง และควรจะขอเวลาในการพิจารณาสัก 1-2 วัน แล้วค่อยให้คำตอบ หากคุณตอบตกลงไปแล้วโดยไม่ได้ต่อรอง แล้วจะมาขอขึ้นเงินเดือนทีหลัง ย่อมไม่ดีครับ เพราะจะกลายเป็นว่าคุณเป็นคนโลเล ไม่น่าเชื่อถือก็ได้
10) คุณมีข้อสงสัย หรืออยากจะถามอะไรเพิ่มเติมอีกไหม
ถามคำถามแบบนี้  ก็บ่งบอกว่า การสัมภาษณ์ได้สิ้นสุดลง  แต่ในการตอบคำถามสุดท้ายนี้  มันก็ไม่ง่ายเหมือนกันครับ 
คำตอบที่ไม่ควรใช้ เป็นคำถามกลับไปยังผู้สัมภาษณ์เลยได้แก่  การถามย้ำ เรื่องเวลาการทำงาน  มันอาจจะทำให้คุณดูเหมือนเป็นกังวลเรื่องเวลาทำงานครับ  ผมแนะนำให้หลีกเลี่ยง เพราะเวลามาทำงานจริง มันยืดหยุ่นแทบจะทั้งนั้นครับ  หากคุณเป็นคนทำงานที่เพื่อร่วมงานและหัวหน้างานไว้วางใจ เวลาที่คุณให้กับองค์การยิ่งยืดหยุ่นตามไปด้วย
คำถามที่ท่านอาจจะ ถามกลับไปก็ได้แก่  เป้าหมายของบริษัทเป็นอย่างไรที่ผม/ดิฉันจะสามารถเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ของเป้าหมายได้   และโอกาสเลื่อนขั้นในหน้าที่การงานเป็นอย่างไร  เป็นต้น
คำถามที่พูดมาข้าง ต้นนี้ดู ดูแล้วไม่ยากเลยใช่ไหม สำหรับการเตรียมตัว ในการ สัมภาษณ์ของคุณ แค่คุณมีความพร้อมกับ 10 คำถามเด็ด ๆ นี้ คุณก็สามารถ ชนะใจ กรรมการ ได้แล้ว อย่างน้อยมันคงมีสักคำถามล่ะ ที่ตรงกับการเตรียมตัวของคุณ และสร้าง ความมั่นใจ ในการตอบคำถามของคุณได้ แล้วอย่าลืมนำไป ปฏิบัติดูนะ เพราะสิ่งนี้ เป็นเส้นทาง ที่จะทำให้คุณสามารถได้รับ คัดเลือกเป็นพนักงาน ในบริษัทที่คุณใฝ่ฝัน ได้อย่างภาคภูมิใจ
ที่มา:http://www.jobpub.com/articles/showarticle.asp?id=2634

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รายการบล็อกของฉัน